ติดฟิล์มรถยนต์ความเข้มเท่าไหร่ดี?

การติดฟิล์มรถยนต์เป็นกระบวนการเคลือบฟิล์มบาง ๆ บนหน้าต่างรถยนต์เพื่อลดปริมาณแสงและความร้อนที่เข้าสู่ตัวรถ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ลดแสงสะท้อน ปกป้องวัสดุภายในรถจากความเสียหายจากแสงแดด และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้โดยสาร แล้วต้องติดฟิล์มรถยนต์ความเข้มเท่าไหร่ จึงจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย

ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้ว่าการติดฟิล์มหน้าต่างรถยนต์เหมาะกับรถของคุณอย่างไร ประโยชน์ของการติดฟิล์ม และสิ่งที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับความเข้มของฟิล์มรถยนต์

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์

การติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ คือ กระบวนการติดฟิล์มบาง ๆ หรือสารเคลือบบนกระจกรถยนต์ ฟิล์มชนิดนี้มักทำจากโพลีเอสเตอร์ และติดอย่างระมัดระวังบนพื้นผิวด้านในของกระจกด้วยกาว จุดประสงค์ของการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์คือเพื่อลดปริมาณแสงและความร้อนที่เข้าสู่ภายในรถ ขณะเดียวกันก็เพิ่มความเป็นส่วนตัวและเสริมความสวยงามโดยรวมของรถด้วย

ข้อดีของการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์

1.การบล็อกแสงยูวี

ข้อดีที่สำคัญประการหนึ่งของการติดฟิล์มรถยนต์คือความสามารถในการป้องกันรังสี UV ที่เป็นอันตราย การได้รับรังสี UV เป็นเวลานานอาจส่งผลให้ผิวหนังเสียหาย แก่ก่อนวัย และมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังมากขึ้น แล้วต้องติดฟิล์มรถยนต์ความเข้มเท่าไหร่จึงจะช่วยบล็อกแสงยูวีได้ ? คำตอบคือ ความเข้มตั้งแต่ 40% ขึ้นไป โดยฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงสามารถป้องกันรังสี UV ที่เป็นอันตรายได้มากกว่า 99% จึงช่วยปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารขณะอยู่บนท้องถนน

2.การลดความร้อน

ฟิล์มกรองแสงสามารถป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอุณหภูมิโดยรวมภายในรถ ช่วยลดความจำเป็นในการใช้เครื่องปรับอากาศมากเกินไป และช่วยประหยัดเชื้อเพลิง

3.การลดแสงสะท้อน

การติดฟิล์มรถยนต์ช่วยลดแสงสะท้อนที่เกิดจากแสงแดด ไฟหน้ารถที่วิ่งสวนมา หรือแสงสะท้อนจากรถคันอื่น ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ป้องกันอาการเมื่อยล้าของดวงตา และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่

4.ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย

ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือการชนกัน ฟิล์มกรองแสงจะช่วยยึดเศษกระจกที่แตกให้ติดกันไว้ ช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากเศษกระจกที่กระเด็นออกมาได้ นอกจากนี้ ฟิล์มกรองแสงยังช่วยป้องกันการงัดแงะและการโจรกรรมโดยทำให้ผู้ก่อเหตุมองเห็นภายในรถได้ยากขึ้นอีกด้วย

5.ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

การติดฟิล์มรถยนต์ช่วยลดความร้อนสะสมภายในรถและช่วยประหยัดพลังงานได้ เพราะช่วยลดความจำเป็นในการใช้เครื่องปรับอากาศมากเกินไป นอกจากจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงแล้ว ยังช่วยให้สิ่งแวดล้อมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีหลายประเภท

ฟิล์มกรองแสงแบบย้อมสี

ฟิล์มชนิดนี้ทำขึ้นโดยการย้อมฟิล์มโพลีเอสเตอร์หนึ่งชั้น โดยฟิล์มจะดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์และลดแสงสะท้อน นอกจากนี้ ฟิล์มกรองแสงแบบย้อมสียังให้ความเป็นส่วนตัวด้วยการปิดกั้นการมองเห็นจากภายนอกอีกด้วย

ฟิล์มเคลือบโลหะ

ฟิล์มเคลือบโลหะมีหลายชั้น โดยชั้นเคลือบโลหะช่วยสะท้อนความร้อนและรังสี UV ฟิล์มชนิดนี้ป้องกันความร้อนได้ดีและทนทาน รวมถึงลดการซีดจางของอุปกรณ์ภายในรถ อย่างไรก็ตาม ฟิล์มชนิดนี้อาจรบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เช่น GPS และอุปกรณ์พกพา

ฟิล์มกรองแสงคาร์บอน

ฟิล์มกรองแสงคาร์บอนได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันแสงอินฟราเรด แต่ยังคงให้แสงที่มองเห็นได้ผ่านเข้ามาได้ ฟิล์มกรองแสงคาร์บอนจะสะท้อนความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มเคลือบสี และไม่ซีดจางเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ยังให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและลดแสงสะท้อน

ฟิล์มหน้าต่างเซรามิก

ฟิล์มหน้าต่างเซรามิกประกอบด้วยอนุภาคเซรามิกหรือนาโนเซรามิก ซึ่งช่วยป้องกันความร้อนได้ดีเยี่ยมโดยไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ การติดฟิล์มรถยนต์ประเภทนี้ยังช่วยป้องกันรังสี UV ลดแสงสะท้อน และช่วยรักษาอุณหภูมิภายในให้สบาย มีความทนทานสูงและทนต่อการซีดจาง

ความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์

ติดฟิล์มรถยนต์ความเข้มเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมที่สุด ? ฟิล์มกรองแสงมีระดับความเข้มที่แตกต่างกัน ระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ หรือ VLT (Visible Light Transmission) คำนวณจากปริมาณแสงที่ผ่านฟิล์มได้ ในประเทศไทย คนส่วนใหญ่นิยมใช้ค่า VLT 40%, 60% และ 80% โดยฟิล์มกรองแสงรถยนต์จะมีความเข้มมากขึ้นและสามารถกันแสงได้มากขึ้นเมื่อค่า VLT สูงขึ้น

  • 40% VLT หมายถึงการส่งผ่านแสงอยู่ที่ประมาณ 40-50%
  • 60% VLT หมายถึงการส่งผ่านแสงอยู่ที่ประมาณ 20%
  • 80% VLT หมายถึงการส่งผ่านแสงประมาณ 5%

60% สำหรับกระจกหน้า , 80% สำหรับส่วนที่เหลือ

  • เหมาะกับคนชอบความเป็นส่วนตัว เพราะห้องโดยสารไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก
  • เหมาะกับคนที่ขับรถตอนกลางวันเป็นหลัก
  • มีระบบป้องกันความร้อนสูง ทำให้ภายในรถเย็นสบาย
  • ปกป้องสายตาของผู้ขับขี่จากแสงแดดและไฟหน้ารถคันอื่นที่มาจากอีกฝั่งถนน ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายและสะดวกสบาย

40% สำหรับกระจกหน้า , 60% สำหรับส่วนที่เหลือ

  • เหมาะกับคนที่ขับรถตอนกลางคืนเป็นหลัก
  • เหมาะกับผู้ที่ขับรถในพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ที่มีแสงน้อย
  • เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ สายตายาว มีปัญหาในการมองเห็นระยะใกล้
  • ปกป้องสายตาของผู้ขับขี่จากไฟหน้ารถคันอื่นที่สวนมาจากอีกฝั่งของถนน ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายและสะดวกสบาย

การเลือกความเข้มของฟิล์มกรองแสงหน้าต่างที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศ ระดับความเป็นส่วนตัวที่ต้องการ งบประมาณ ความถี่ในการขับรถ และความต้องการเฉพาะเกี่ยวกับการสะท้อนความร้อนหรือการป้องกันรังสี UV 

ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ที่ Good Sure Glass เราให้บริการติดตั้ง ฟิล์มอาคาร สำนักงาน ฟิล์มรถยนต์ ซ่อมรอยร้าวกระจกรถยนต์ และจำหน่ายฟิล์มกรองแสงแบรนด์ชั้นนำ ที่สำโรงเหนือ เมืองสมุทรปราการ โดยทีมช่างผู้ชำนาญที่ผ่านการอบรมขั้นตอน และเทคนิคพิเศษ มีประสบการณ์กว่า 27 ปี ให้บริการติดตั้งภายในห้องปลอดฝุ่นที่ได้มาตรฐาน พร้อมบริการดูแลหลังการติดตั้ง การันตีด้วยการรับประกันคุณภาพการติดตั้งตลอดอายุการใช้งาน เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ https://goodsureglass.com

บทความล่าสุดของเรา