ติดฟิล์มรถยนต์ราคาถูก คุ้มค่าหรือไม่?

การติดฟิล์มรถยนต์เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่นิยมทำกัน ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงาม เพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือช่วยลดความร้อนจากแสงแดด แต่เมื่อถึงเวลาตัดสินใจเลือกฟิล์มติดรถยนต์ สิ่งที่หลายคนต้องพิจารณาอย่างมากก็คือ “ราคา” ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลักหมื่นบาท ทำให้เกิดคำถามว่า การติดฟิล์มติดรถยนต์ราคาถูกกับราคาแพงมีความแตกต่างกันอย่างไร คุ้มค่าหรือไม่ที่จะลงทุนกับฟิล์มราคาสูง และแต่ละแบบเหมาะกับใคร ในบทความนี้เราจะเปรียบเทียบในทุกมิติ ทั้งในเรื่องคุณสมบัติ วัสดุ การใช้งาน อายุการใช้งาน รวมถึงงบประมาณ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการ และงบประมาณของตนเอง  

ติดฟิล์มรถยนต์ราคาถูก

ฟิล์มรถยนต์ราคาถูก

ฟิล์มติดรถยนต์ราคาถูกมีข้อดีที่โดดเด่นที่สุดคือ “ความประหยัด” ซึ่งตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดหรือไม่ต้องการลงทุนสูงในการตกแต่งหรือดูแลรถยนต์ ฟิล์มกรองแสงประเภทนี้มักมีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงพันต้น ๆ ต่อคัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายเริ่มต้นได้มาก เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานชั่วคราว เช่น รถเช่า รถที่เตรียมขายต่อ รถเก่าที่ไม่ต้องการตกแต่งเพิ่มเติม หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการติดฟิล์มเพื่อความสวยงามและความเป็นส่วนตัวในระดับเบื้องต้นเท่านั้น ฟิล์มราคาถูกบางรุ่นอาจให้ความทึบแสงพอสมควร ซึ่งช่วยลดแสงจ้าในเวลากลางวัน ทำให้การขับขี่รู้สึกสบายตามากขึ้น อีกทั้งยังสามารถติดตั้งได้ง่าย หาซื้อได้ทั่วไปทั้งในร้านอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ศูนย์บริการ และร้านฟิล์มทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องสั่งจองล่วงหน้า หรือรอสินค้านำเข้าเหมือนฟิล์มพรีเมียม นอกจากนี้ ฟิล์มราคาถูกยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ชอบทดลองเปลี่ยนสไตล์ของรถบ่อย ๆ เพราะสามารถเปลี่ยนสีหรือเฉดของฟิล์มได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องเสียดายราคาค่าติดตั้งมากนัก

ข้อเสียของการติดฟิล์มรถยนต์ราคาถูก

แม้ฟิล์มราคาถูกจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากในระยะเริ่มต้น แต่ในระยะยาวกลับมีข้อเสียหลายประการที่อาจส่งผลต่อทั้งประสิทธิภาพการใช้งาน ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการ “กันความร้อน” ฟิล์มราคาถูกมักผลิตจากวัสดุย้อมสี (Dyed Film) ซึ่งสามารถกรองแสงในช่วงที่มองเห็นได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถสะท้อนหรือดูดซับรังสีอินฟราเรด (IR) และรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความร้อนจากแสงแดดยังคงเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างมาก ทำให้ภายในรถร้อนอบอ้าว แม้จะติดฟิล์มก็ตาม นอกจากนี้ การที่ความร้อนสะสมภายในรถมากขึ้น ยังทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานหรือเชื้อเพลิงมากขึ้นในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับเป้าหมายหลักของการติดฟิล์มรถยนต์คือการเพิ่มความสบายและลดการใช้พลังงาน

อีกประเด็นสำคัญคืออายุการใช้งานของฟิล์มราคาถูกที่มักสั้นกว่าฟิล์มคุณภาพสูง โดยทั่วไปอาจเสื่อมสภาพภายในเวลาเพียง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการใช้งาน อาการที่พบบ่อยคือสีของฟิล์มเริ่มซีดจาง กลายเป็นสีม่วง ฟิล์มแห้งกรอบ ลอกเป็นแผ่น หรือแตกร้าว ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้รถดูเก่าและไม่สวยงามเท่านั้น แต่ยังอาจรบกวนทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ หากฟิล์มเกิดการลอกหรือแตกร้าวบริเวณกระจกหน้าและด้านข้าง นอกจากนี้ ฟิล์มราคาถูกมักไม่มีการรับประกันคุณภาพจากผู้ผลิต หรือมีเพียงการรับประกันระยะสั้นที่ไม่ครอบคลุมปัญหาในระยะยาว ทำให้ผู้ใช้ต้องรับความเสี่ยงเองเมื่อต้องเปลี่ยนฟิล์มใหม่ก่อนเวลาอันควร หรือหากมีปัญหาเกิดขึ้นก็อาจไม่ได้รับการดูแลจากร้านติดตั้งอย่างเหมาะสม

ฟิล์มราคาถูก VS ฟิล์มราคาแพง แบบไหนที่คุณต้องการ

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะมาเปรียบเทียบคุณสมบัติและความคุ้มค่าของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ราคาถูกและราคาแพงในรูปแบบตารางที่เข้าใจง่าย ดังนี้

ประสิทธิภาพที่แตกต่าง

ฟิล์มราคาถูกมักเป็นฟิล์มประเภทย้อมสี (Dyed Film) หรือฟิล์มเคลือบปรอท ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ จุดเด่นของฟิล์มกลุ่มนี้คือราคาประหยัด ติดตั้งง่าย และให้ความทึบแสงที่ช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวได้พอสมควร อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการกันความร้อนของฟิล์มราคาถูกยังคงจำกัด เพราะอาศัยหลักการดูดซับความร้อนมากกว่าสะท้อนความร้อน จึงอาจเกิดอาการฟิล์มร้อนหรือซีดจางเมื่อใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน อีกทั้งอายุการใช้งานก็มักจะสั้น โดยเฉลี่ยเพียง 1-3 ปี และไม่มีการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต ทำให้ผู้ใช้อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนฟิล์มบ่อยครั้งในระยะยาว

เทคโนโลยีในการผลิต

ในทางกลับกัน ฟิล์มราคาแพง เช่น ฟิล์มนาโนเซรามิก หรือฟิล์มมัลติเลเยอร์จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง 3M, V-KOOL หรือ Lamina มักใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ทำให้สามารถสะท้อนความร้อนได้ดีกว่า ลดรังสีอินฟราเรดและ UV ได้ถึง 99% โดยไม่จำเป็นต้องเลือกฟิล์มที่มีความเข้มมาก ส่งผลให้ทัศนวิสัยภายในรถยังคงชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่เกิดปัญหามืดเกินไปหรือแสงสะท้อนบนกระจก ฟิล์มระดับพรีเมียมยังทนทานต่อการซีดจาง มีความเสถียรของสี และไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เช่น GPS หรือ Easy Pass ที่สำคัญคือมักมีการรับประกันคุณภาพนานหลายปี จึงช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจในคุณภาพและบริการหลังการขาย

ราคาที่ต้องจ่ายกับความคุ้มค่า

เมื่อเปรียบเทียบในด้านความคุ้มค่า การติดฟิล์มรถยนต์ราคาถูกอาจดูเหมือนประหยัดในระยะสั้น แต่หากต้องเปลี่ยนบ่อย หรือกันความร้อนได้ไม่ดีพอ จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและชิ้นส่วนภายในรถ ฟิล์มราคาแพงจึงดูคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้รถเป็นประจำ หรือจอดกลางแจ้งบ่อย ๆ การลงทุนกับฟิล์มคุณภาพดีจะช่วยเพิ่มความสบายและยืดอายุการใช้งานของรถไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม การเลือกฟิล์มที่เหมาะสมควรพิจารณาจากงบประมาณ รูปแบบการใช้รถ และความต้องการเฉพาะของผู้ขับขี่ ไม่จำเป็นต้องแพงที่สุด แต่อย่างน้อยควรเป็นฟิล์มที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และรับประกันจากผู้ผลิตอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับผู้ใช้ทั่วไปแล้ว

ฟิล์มราคาถูกอาจเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดเงินในช่วงแรก หรือใช้งานรถในลักษณะที่ไม่ต้องเผชิญกับแสงแดดหรือความร้อนจัดเป็นประจำ แต่หากต้องการประสิทธิภาพที่ดีในระยะยาว เช่น การกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ทัศนวิสัยที่ดี อายุการใช้งานนาน และการรับประกันคุณภาพ ฟิล์มราคาถูกอาจไม่ใช่คำตอบที่คุ้มค่าในภาพรวม สามารถศึกษารายละเอียดฟิล์มเพิ่มเติม และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนติดตั้ง ได้ที่ Good Sure Glass เราให้บริการติดตั้งฟิล์มรถยนต์ ติดฟิล์มอาคาร สำนักงาน ซ่อมรอยร้าวกระจกรถยนต์ และจำหน่ายฟิล์มกรองแสงแบรนด์ชั้นนำโดยทีมช่างผู้ชำนาญที่ผ่านการอบรมขั้นตอน และเทคนิคพิเศษ ด้วยประสบการณ์กว่า 27 ปี  พร้อมบริการดูแลหลังการติดตั้ง การันตีด้วยการรับประกันคุณภาพการติดตั้งตลอดอายุการใช้งาน และมีหลายสาขาทั่วไทยให้เลือกใช้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด

บทความล่าสุดของเรา