ฟิล์มกรองแสงลอก เป็นฟอง เกิดจากอะไร ?

ฟิล์มกรองแสงลอกเป็นฟองบนกระจกรถยนต์

ฟิล์มกรองแสงเป็นส่วนเสริมที่มีบทบาทสำคัญในการใช้งานทั้งในรถยนต์และอาคาร ช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ป้องกันรังสี UV และเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่เมื่อใช้งานไปสักระยะ หลายคนอาจพบปัญหาฟิล์มกรองแสงลอก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้กระจกดูไม่เรียบร้อย แต่ยังลดประสิทธิภาพในการกรองแสง และอาจส่งผลต่อทัศนวิสัยขณะขับขี่หรือการใช้ชีวิตประจำวัน 

อาการของฟิล์มเสื่อมสภาพมักเริ่มจากฟองอากาศเล็ก ๆ ตามผิวกระจก หรือการเปลี่ยนสีของฟิล์ม จนพัฒนาไปสู่ปัญหาใหญ่คือ ฟิล์มกรองแสงลอก โดยเฉพาะในบริเวณที่โดนแดดจัดหรือมีความร้อนสูง สาเหตุของปัญหาเหล่านี้มีได้หลายปัจจัย ทั้งจากคุณภาพของวัสดุ อายุการใช้งานของฟิล์มติดกระจก การติดตั้งที่ไม่ถูกวิธี หรือแม้แต่พฤติกรรมการดูแลรักษาที่ไม่เหมาะสม 

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุที่แท้จริงของฟิล์มกรองแสงลอก พร้อมแนะนำวิธีการป้องกันและดูแลรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อให้ฟิล์มกรองแสงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งาน และยังคงความสวยงามเหมือนใหม่อยู่เสมอ

ไขข้อสงสัย ทำไมฟิล์มกรองแสงลอก ?

ฟิล์มกรองแสงช่วยลดความร้อนและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้รถยนต์หรืออาคาร แต่เมื่อใช้งานไปสักพัก หลายคนกลับพบปัญหาฟิล์มกรองแสงลอก จนดูไม่น่ามองและใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ปัญหานี้เกิดจากอะไร ? แก้ไขหรือป้องกันได้หรือไม่ ? มาหาคำตอบกัน

1. คุณภาพของฟิล์มต่ำ

ฟิล์มรถยนต์ราคาถูกลอก มีฟองอากาศบนกระจก

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาฟิล์มกรองแสงลอก คือการเลือกติดฟิล์มรถยนต์ราคาถูกที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งมักผลิตจากวัสดุที่ไม่มีความทนทานต่อความร้อน แสงแดด หรือสารเคมี ฟิล์มประเภทนี้มักมีโครงสร้างบาง ชั้นกาวไม่ได้มาตรฐาน และไม่มีการเคลือบป้องกัน UV หรือรังสีอินฟราเรดอย่างเพียงพอ ทำให้เมื่อใช้งานจริง โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนจัด เช่น ในประเทศไทย ฟิล์มจะเริ่มเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

เมื่อโดนแดดเป็นเวลานาน ฟิล์มกรองแสงคุณภาพต่ำจะเริ่มแสดงอาการ เช่น ซีดจาง สีเพี้ยน หรือแห้งกรอบ และในที่สุดจะเกิดการลอกหลุดออกจากกระจกเป็นแผ่น ๆ หรือเป็นขุย อาจเริ่มจากขอบกระจกแล้วค่อย ๆ ลุกลาม นอกจากนี้ ฟิล์มบางชนิดที่ผลิตราคาถูกอาจไม่มีสารยึดเกาะที่ดีพอ ทำให้เกิดฟองอากาศหรือการพองตัว แม้เพิ่งติดไปไม่นาน

การติดตั้งฟิล์มรถยนต์ที่มีคุณภาพ แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่จะช่วยลดปัญหาฟิล์มกรองแสงลอก และยืดอายุการใช้งานได้หลายปี ทั้งยังให้ประสิทธิภาพในการกันร้อนและกรองแสงที่ดีกว่าในระยะยาว

2. การติดตั้งไม่ถูกวิธี

ปัญหาฟิล์มรถยนต์หลุดลอกจากการติดตั้งไม่ถูกต้อง

แม้จะเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีแค่ไหน แต่หากขั้นตอนการติดตั้งไม่ถูกต้อง ก็อาจนำไปสู่ปัญหาฟิล์มกรองแสงลอกได้ในเวลาอันรวดเร็ว การติดตั้งฟิล์มเป็นงานที่ต้องอาศัยความชำนาญ ความประณีต และความรู้เฉพาะทาง เพราะหากมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย เช่น การทำความสะอาดกระจกไม่ทั่วถึง การไล่ฟองอากาศไม่หมด หรือการตัดฟิล์มไม่พอดีกับขนาดกระจก ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่

ฟิล์มที่ติดตั้งไม่แนบสนิทกับกระจกอาจเริ่มหลุดลอกตรงขอบ หรือเกิดฟองอากาศใต้ผิวฟิล์มภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการติดตั้ง โดยเฉพาะหากใช้สภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง หรือโดนแดดจัดเป็นประจำ ปัญหานี้จะยิ่งชัดเจนเร็วขึ้น และอาจลุกลามจนต้องลอกฟิล์มออกทั้งหมดและติดใหม่

ดังนั้น การเลือกศูนย์บริการหรือช่างผู้ชำนาญการจึงมีความสำคัญไม่แพ้กับคุณภาพของฟิล์ม เพราะช่างที่มีประสบการณ์จะรู้วิธีเตรียมพื้นผิวกระจกให้สะอาด ปราศจากฝุ่น คราบน้ำมัน หรือสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ รวมถึงสามารถไล่ฟองอากาศออกอย่างมืออาชีพ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาฟิล์มกรองแสงลอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. อายุการใช้งานของฟิล์ม

ฟิล์มรถยนต์เสื่อมสภาพและลอกตามอายุการใช้งาน

ฟิล์มกรองแสงทุกประเภทต่างก็มีอายุการใช้ที่งานจำกัด ซึ่งเมื่อฟิล์มเริ่มเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ก็จะมีโอกาสเกิดปัญหาฟิล์มกรองแสงลอกได้เช่นกัน โดยเฉลี่ยแล้ว ฟิล์มกรองแสงมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุ วิธีการติดตั้ง และสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน

เมื่อฟิล์มเริ่มหมดอายุ อาการที่พบได้ชัดคือ ฟิล์มจะเริ่มซีดจาง สีเพี้ยน เกิดฟองอากาศ ร่อนหลุดเป็นแผ่น หรือขอบฟิล์มเริ่มยกตัว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าฟิล์มกรองแสงลอกกำลังจะเกิดขึ้น และควรพิจารณาเปลี่ยนใหม่โดยเร็ว โดยเฉพาะในรถยนต์ที่ต้องจอดกลางแจ้งหรือใช้งานในสภาพอากาศร้อนจัดอยู่เป็นประจำ 

การหมั่นสังเกตสภาพของฟิล์มเป็นระยะ และไม่ฝืนใช้งานฟิล์มที่หมดสภาพ จะช่วยลดผลกระทบต่อการมองเห็น ความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงภาพลักษณ์โดยรวมของรถหรืออาคารได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การเปลี่ยนฟิล์มตามรอบอายุ ยังเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยป้องกันปัญหาฟิล์มกรองแสงลอกก่อนจะลุกลามจนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น

4. ความร้อนและแสงแดดจัด

ปัญหาฟิล์มกรองแสงรถยนต์ลอกเป็นฟองอากาศเนื่องจากแสงแดดร้อนจัด

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ลอก เกิดจากอะไร? หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฟิล์มกรองแสงลอก คือการที่ฟิล์มต้องเจอกับความร้อนสูงและแสงแดดจัดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นอย่างประเทศไทย เมื่อรถยนต์หรืออาคารโดนแดดแรงเป็นเวลานาน ฟิล์มจะต้องทนกับอุณหภูมิที่สูง ซึ่งทำให้ชั้นกาวที่ยึดฟิล์มกับกระจกเสื่อมสภาพและหลุดลอกได้เร็วกว่าปกติ

ความร้อนจัดจะทำให้ชั้นฟิล์มและกาวเกิดการขยายตัวและหดตัวซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ฟิล์มเริ่มหลุดลอกหรือเกิดฟองอากาศใต้ผิวฟิล์ม นอกจากนี้ รังสี UV ยังทำลายสารประกอบในฟิล์ม ส่งผลให้เนื้อฟิล์มเปราะและแตกง่ายกว่าเดิม ทำให้ปัญหาฟิล์มกรองแสงลอกเกิดขึ้นได้รวดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

เพื่อป้องกันปัญหานี้ ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถหรือเปิดกระจกในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน และเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV และความร้อนได้ดี ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของฟิล์มให้นานยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยรักษาประสิทธิภาพในการกันความร้อนและความสวยงามได้อย่างยาวนาน

5. การดูแลรักษาที่ไม่เหมาะสม

การดูแลฟิล์มติดกระจกรถยนต์อย่างถูกวิธี

อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดปัญหาฟิล์มกรองแสงลอก คือการดูแลรักษากระจกติดฟิล์มที่ไม่ถูกวิธีหรือไม่เหมาะสม หลังจากติดตั้งฟิล์มแล้ว หากไม่มีการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง หรือใช้สารเคมีที่รุนแรงและไม่เหมาะสม เช่น น้ำยาทำความสะอาดที่มีสารกัดกร่อน ฟิล์มอาจเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ และชั้นกาวที่ยึดติดกับกระจกก็อาจหลุดลอกได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ การใช้ผ้าหรืออุปกรณ์ทำความสะอาดที่หยาบหรือมีฝุ่นแข็ง ก็อาจทำให้ผิวฟิล์มเกิดรอยขีดข่วนและเสียหาย ส่งผลให้ฟิล์มดูหมองและอาจเกิดการลอกในที่สุด การละเลยไม่ตรวจสอบหรือดูแลฟิล์มอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ปัญหาเหล่านี้สะสมและยากที่จะแก้ไขในภายหลัง

ดังนั้น การดูแลรักษาฟิล์มกรองแสงอย่างถูกวิธี เช่น ใช้น้ำยาและผ้านุ่มสำหรับทำความสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง และตรวจเช็คสภาพฟิล์มอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดโอกาสเกิดปัญหาฟิล์มกรองแสงลอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฟิล์มกรองแสงลอก ปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ด้วยวิธีดูแลถูกต้อง

ปัญหาฟิล์มกรองแสงลอก เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคารมักเจอ ซึ่งมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากคุณภาพฟิล์มที่ไม่ดี การติดตั้งที่ไม่ถูกวิธี อายุการใช้งานของฟิล์ม ความร้อนและแสงแดดจัด รวมถึงการดูแลรักษาที่ไม่เหมาะสม การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเลือกฟิล์มที่มีคุณภาพสูง เลือกช่างติดตั้งที่มีความชำนาญ และดูแลรักษาฟิล์มอย่างถูกต้อง

ด้วยการใส่ใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่การเลือกฟิล์ม การติดตั้ง ไปจนถึงการดูแลรักษา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของฟิล์มกรองแสง ทำให้ฟิล์มยังคงประสิทธิภาพในการกรองความร้อน ป้องกันรังสี UV และรักษาความสวยงามไว้ได้อย่างยาวนาน ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนฟิล์มบ่อย ๆ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่หรือการอยู่อาศัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากต้องการติดฟิล์มกระจกออฟฟิศ ติดต่อ Good Sure Glass เราให้บริการติดตั้ง ฟิล์มอาคาร สำนักงาน ฟิล์มรถยนต์ ซ่อมรอยร้าวกระจกรถยนต์ และจำหน่ายฟิล์มกรองแสงแบรนด์ชั้นนำ ที่สำโรงเหนือ เมืองสมุทรปราการ โดยทีมช่างผู้ชำนาญที่ผ่านการอบรมขั้นตอน และเทคนิคพิเศษ มีประสบการณ์กว่า 29 ปี ให้บริการติดตั้งภายในห้องปลอดฝุ่นที่ได้มาตรฐาน พร้อมบริการดูแลหลังการติดตั้ง การันตีด้วยการรับประกันคุณภาพการติดตั้งตลอดอายุการใช้งาน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสงลอก

ฟิล์มกรองแสงลอกเกิดจากหลายสาเหตุหลัก ๆ ที่ผู้ใช้ควรทราบ ได้แก่ คุณภาพของฟิล์มที่ต่ำ ฟิล์มราคาถูกหรือผลิตจากวัสดุที่ไม่มีความทนทานต่อความร้อนและรังสี UV การติดตั้งฟิล์มที่ไม่ถูกวิธี เช่น การไม่ทำความสะอาดกระจกให้สะอาดหมดจดก่อนติดตั้ง หรือการติดตั้งโดยช่างที่ไม่มีความชำนาญ นอกจากนี้ อายุการใช้งานของฟิล์มที่หมดลงก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญ รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่โดนแดดแรงและความร้อนสูงเป็นเวลานาน รวมถึงการดูแลรักษาที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้สารเคมีทำความสะอาดที่รุนแรง หรือใช้ผ้าขัดที่หยาบ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ชั้นกาวหลุดลอกและเกิดฟองอากาศใต้ฟิล์มในที่สุด

โดยปกติแล้ว เมื่อฟิล์มกรองแสงเกิดการลอกหรือหลุดออกจากกระจกในระดับที่เห็นได้ชัด การซ่อมแซมฟิล์มเดิมแทบจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากชั้นกาวและเนื้อฟิล์มเสียหายแล้ว การพยายามซ่อมอาจทำให้ปัญหาลุกลามหรือทำให้ฟิล์มดูไม่เรียบร้อย การแก้ไขที่ถูกต้องคือการลอกฟิล์มเก่าออกทั้งหมดและติดตั้งฟิล์มใหม่แทน ซึ่งจะช่วยคืนความสวยงามและประสิทธิภาพในการกรองแสงได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หากฟองอากาศหรือรอยลอกยังอยู่ในระยะเริ่มต้น อาจลองใช้วิธีการไล่ฟองอากาศหรือแก้ไขเล็กน้อย แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ

ระยะเวลาที่ฟิล์มกรองแสงจะเริ่มลอกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพของฟิล์ม วิธีการติดตั้ง และสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน ฟิล์มคุณภาพสูงที่ติดตั้งอย่างถูกวิธีสามารถใช้งานได้นานประมาณ 5-10 ปี หรือมากกว่านั้นโดยไม่มีปัญหา ในขณะที่ฟิล์มราคาถูกหรือฟิล์มที่ติดตั้งในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด มีความชื้นสูง หรือโดนแดดแรงบ่อยครั้ง อาจเริ่มลอกภายในไม่กี่เดือนถึงปีเดียวเท่านั้น ดังนั้น การเลือกฟิล์มและการดูแลรักษาจึงมีผลอย่างมากต่ออายุการใช้งานของฟิล์ม

การดูแลฟิล์มกรองแสงอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการลอกและยืดอายุการใช้งาน ควรทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยน ใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำที่ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น น้ำยาที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียหรือสารละลายแรง ๆ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการขูดขีดหรือถูฟิล์มแรง ๆ นอกจากนี้ ควรพยายามจอดรถในที่ร่มหรือใช้ผ้าคลุมรถเพื่อลดการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน ซึ่งจะช่วยลดการเสื่อมสภาพของฟิล์มและป้องกันปัญหาฟิล์มกรองแสงลอกได้ดียิ่งขึ้น

ควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพสูงจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ ซึ่งมักจะมีการรับประกันคุณภาพและผ่านการทดสอบมาตรฐานต่าง ๆ ฟิล์มที่ดีจะมีชั้นกาวที่แข็งแรง ทนต่อความร้อนและรังสี UV ได้ดี รวมถึงมีการเคลือบผิวป้องกันรอยขีดข่วนและฟองอากาศ นอกจากนี้ ควรเลือกติดตั้งกับช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญในการติดตั้งฟิล์มกรองแสงอย่างถูกวิธี เพราะการติดตั้งที่ดีจะช่วยป้องกันปัญหาในระยะยาวและช่วยให้ฟิล์มติดแน่น ไม่มีฟองอากาศหรือรอยลอกเกิดขึ้นง่าย

บทความล่าสุดของเรา